หลักเกณฑ์การนำสัตว์ปีกเข้าเลี้ยงใหม่
๑. การทำความสะอาดและทำลายเชื้อโรค
ฟาร์มสัตว์ปีกต้องผ่านการทำความสะอาดและทำลายเชื้อโรครวมถึงพาหะนำโรคตามเกณฑ์ที่กรมปศุสัตว์กำหนด ดังนี้๑.๑ นำวัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้ในการเลี้ยงสัตว์ปีกออกนอกโรงเรือนแต่ให้อยู่ภายในบริเวณฟาร์ม แล้วให้ดำเนินการทำความสะอาดแช่หรือพ่นด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อและตากให้แห้ง
๑.๒ เก็บกวาดเศษอาหาร มูลสัตว์ สิ่งปูรอง หยากไย่ที่เกาะอยู่ตามซอกมุมหลังคาแล้วนำออกจากโรงเรือนเพื่อทำลายโดยการเผา หรือฝัง โดยเฉพาะมูลสัตว์ปีกต้องกำจัดออกจากโรงเรือนให้หมดสิ้น
๑.๓ ทำความสะอาดโรงเรือนด้วยน้ำผสมผงซักฟอกหรือสารทำความสะอาด(Detergent) อื่นๆ และถูหรือขัดคราบไขมัน ฝุ่น มูลสัตว์ ออกโดยเฉพาะบริเวณพื้นคอก กรงตับ รางไข่ แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง๑.๔ พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคโดยใช้เครื่องพ่นแรงดันสูง หรือแบบสะพายหลังให้ทั่วทุกซอกทุกมุมของโรงเรือน และบริเวณรอบโรงเรือน
๑.๕ กำจัดพาหะของโรคระบาด เช่น หนู นก แมลง และอื่นๆ๑.๖ เก็บขยะบริเวณฟาร์มให้หมดแล้วนำไปทำลายโดยวิธีฝังหรือเผา
๑.๗ บริเวณรอบๆ โรงเรือนต้องสะอาดไม่มีแหล่งที่ให้พาหะโรคอาศั
๒. การพักโรงเรือน
หลังจากทำความสะอาดและทำลายเชื้อโรคในฟาร์มสัตว์ปีกแล้วต้องปล่อยฟาร์มสัตว์ ปีกให้ว่าง (พักโรงเรือน) อย่างน้อย ๒๑ วัน
๓. การตรวจสอบโรคระบาดในรัศมี ๕ กิโลเมตร
ในพื้นที่รัศมี ๕ กิโลเมตรจากฟาร์มสัตว์ปีกต้องไม่มีสัตว์ปีกป่วยด้วยโรคระบาดเป็นระยะเวลาอย่างน้อย ๒๑ วั
๔. การผ่านหลักเกณฑ์มาตรฐานฟาร์ม
๔.๑ ฟาร์มสัตว์ปีกต้องผ่านการตรวจรับรองมาตรฐานฟาร์มจากกรมปศุสัตว์๔.๒ กรณีฟาร์มสัตว์ปีกไม่ผ่านการตรวจรับรองมาตรฐานฟาร์มตามข้อ ๔.๑ กรมปศุสัตว์ อนุโลมให้ฟาร์มสัตว์ปีกนั้นต้องผ่านการตรวจรับรองด้านการป้องกันโรคระบาด สัตว์จากสัตวแพทย์สำนักงานปศุสัตว์จังหวัด โดยอนุโลม จนถึง ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๗ ตามหลักเกณฑ์ดังนี้
(๑) ต้องมีรั้วล้อมรอบบริเวณเนื้อที่ของฟาร์มสัตว์ปีก และสามารถป้องกัน พาหะนำโรคไม่ให้ผ่านเข้า-ออก โดยเฉพาะโรงเรือนต้องสามารถควบคุมป้องกันสัตว์พาหะ เช่น นก หนู เข้าในโรงเรือนได้(๒) ต้องมีระบบป้องกันกำจัดเชื้อโรคที่ยานพาหนะ และบุคคลที่ผ่านเข้า-ออก เช่น มีโรงพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรค หรือมีเครื่องพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคประจำที่ประตูทางเข้า-ออกฟาร์ม ไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าฟาร์มโดยเด็ดขาดนอกจากได้รับอนุญาต และบุคคลนั้นต้องเดินผ่านละอองน้ำยา ฆ่าเชื้อโรคด้วยและไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกสัมผัสตัวสัตว์เด็ดขาด
(๓) ต้องมีการบำบัด กำจัดของเสียที่เกิดจากสัตว์อย่างเหมาะสม เช่น มีการฝังมูลสัตว์หรือมีสถานที่เก็บมูลสัตว์โดยเฉพาะ มีสถานที่ฝังหรือเผาทำลายซากสัตว์ เป็นต้น
(๔) หน้าทางเข้าโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ปีก มีอ่างน้ำยาฆ่าเชื้อโรคสำหรับจุ่มรองเท้า และอ่างล้างมือพร้อมสบู่
(๕) มีชุดเปลี่ยนที่มิดชิดสำหรับบุคคลที่เข้าดูแลสัตว์ (เสื้อคลุมแขนยาว/ผ้าปิดจมูกและปาก/ที่คลุมผม/ถุงมือ/รองเท้าบู๊ท)
(๖) มีสถานที่เก็บอาหารสัตว์สามารถป้องกันสัตว์พาหะ เช่น นก หนู ได้ดี(๗) มีแหล่งน้ำสะอาดสำหรับใช้ในฟาร์มสัตว์ปีก โดยจะต้องผ่านการฆ่าเชื้อโรคแล้ว
(๘) มีสัตวแพทย์ทำหน้าที่ควบคุมดูแลอาการสัตว์ การใช้ยา การทำวัคซีน หรือเวชภัณฑ์อื่นๆอย่างใกล้ชิด
(๙) มีเอกสารบันทึกประวัติสัตว์ระหว่างการเลี้ยงเก็บเป็นหลักฐานสำหรับเจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้
(๑๐) มีการบันทึกบุคคลและยานพาหนะเข้า-ออกฟาร์ม โดยระบุรายละเอียด ในประเด็นมาจากที่ใด มาทำอะไร ออกจากฟาร์มแล้วจะไปที่ไหน รวมทั้งหมายเลขทะเบียนยานพาหนะ และข้อมูลอื่นที่จะเป็นประโยชน์ในการตรวจสอบย้อนกลั
๕. การฝึกอบรม
เจ้าของฟาร์มสัตว์ปีกหรือผู้ควบคุมดูแลฟาร์มสัตว์ปีกต้องผ่านการฝึกอบรมหลัก สูตร ผู้ควบคุมดูแลฟาร์มสัตว์ปีกจากกรมปศุสัตว
๖. การออกใบรับรองผ่านหลักเกณฑ์
ฟาร์มสัตว์ปีกที่ผ่านหลักเกณฑ์ ตามข้อ ๑. ข้อ ๒. ข้อ ๓. ข้อ ๔. และข้อ ๕. ปศุสัตว์จังหวัดจะออกหนังสือรับรองให้ไว้เป็นหลักฐาน ตามแบบเอกสารแน
๗. การปฏิบัติหลังจากนำสัตว์ปีกเข้าเลี้ยง
เมื่อนำสัตว์ปีกเข้าเลี้ยงใหม่แล้วเจ้าของฟาร์มต้องดำเนินการ ดังนี้๗.๑ จัดทำบันทึกระบุจำนวนสัตว์ป่วย และสัตว์ตายเป็นประจำทุกวัน โดยบันทึกดังกล่าว ให้ติดไว้ที่ประตูหน้าฟาร์ม เพื่อเจ้าหน้าที่สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดสามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลา
๗.๒ หากพบสัตว์ปีกป่วยหรือตายมากผิดปกติให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ทันทีภาย ใน ๒๔ ชั่วโมง และห้ามเคลื่อนย้ายสัตว์ป่วยและสัตว์ตาย รวมทั้งชำแหละหรือกระทำการอย่างใดแก่สัตว์ป่วยและซากสัตว์นั้น
๗.๓ หากไม่ปฏิบัติตามข้อ ๗.๒ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองเดือนหรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งหากมีการทำลายสัตว์ปีกในฟาร์มรัฐบาลจะไม่ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่เจ้า ของฟาร์ม
๘. แบบคำขอตรวจสอบหลักเกณฑ์การนำสัตว์ปีกเข้าเลี้ยงใหม่
ให้ใช้ตามแบบคำขอรับรองมาตรฐานฟาร์มเลี้ยงสัตว์ (ม.ฐ.ฟ.๑) โดยอนุโลม